ในค่ำคืนที่ท้องฟ้าไม่มีดาวสักดวง เด็กชายคนหนึ่งได้เกิดขึ้นท่ามกลางความมืดมิด ชื่อของเขาคือ ‘นูเรธท์ลา’ ซึ่งถูกบันทึกไว้ใน “ผังกระดูก” ศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลตั้งแต่ยังไม่ทันได้แรกเกิด นี่ไม่ใช่แค่การบันทึกว่าเขาเป็นสมาชิกของตระกูล แต่ยังเป็นคำสาบานว่าเด็กคนนี้จะกลายเป็น “อาวุธ” แห่งไนธีเรียน
✦ Nytherion ✦
ตระกูลไนธีเรียนเป็นหนึ่งในตระกูลขุนนางดาร์คเอลฟ์ที่เก่าแก่ที่สุด พวกเขาดำรงตำแหน่งไวเคานต์ในเงามืดของประวัติศาสตร์ โดยมีหมู่บ้านและฐานอำนาจตั้งอยู่ที่ Duskmere หรือที่รู้จักกันในนาม The Cursed Ruins เมืองที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของศาสนจักรก่อนที่จะถูกทำลายโดยสงครามที่ไม่มีที่สิ้นสุด
หน้าที่ของตระกูลนี้คือการปกป้องเหล่าดาร์คเอลฟ์ผู้รอดชีวิตจากการไล่ล่าของศาสนจักรและเอลฟ์แห่งแสง ซึ่งพยายามทำลายเผ่าพันธุ์ของตนเองให้ “บริสุทธิ์” ด้วยการกำจัดเงาที่เคยทิ้งไว้ในอดีต
✦ Child, Knife and Wand Bladeborn Child ✦
ขณะที่เด็กคนอื่นในหมู่บ้านเริ่มหัดเดิน นูเรธกลับเริ่มเรียนรู้วิธีลอบสังหาร เมื่อเด็กคนอื่นฟังบทกวีจากผู้สูงอายุ เขากลับท่องคำสาบานแห่งโลหิตและคำสาปเงา ในคืนที่คนอื่นนอนหลับฝันถึงดวงจันทร์ เขานั่งอยู่เงียบๆ มองเป้าหมายที่ถูกบันทึกไว้ในแผ่นป้ายไม้
นูเรธไม่ได้ถูกเลี้ยงดูให้เข้มแข็ง แต่เขาเติบโตขึ้นท่ามกลางความโหดเหี้ยม เพื่อกลายเป็นดาบที่ไม่เคยหัก และโล่ที่ไม่สามารถพังทลายได้
✦ The First Flame ✦
เมื่ออายุได้ 120 ปี นูเรธท์ลาได้เผาทำลายเมืองชายแดนของศาสนจักรเพียงลำพัง ผ่านการปฏิบัติการสังหารที่ปราศจากความปรานี
เมื่ออายุ 150 ปี เขาได้รับคำสั่งจาก “ผังกระดูก” ให้สังหารพี่ชายคนโตของเขา ซึ่งมีความลับในการติดต่อกับมนุษย์ที่อยู่ฝ่ายศาสนจักร
ในคืนนั้น เขาไม่ลังเลที่จะทำตามหน้าที่ แต่หลังจากนั้นกลับนอนไม่หลับถึงเจ็ดคืน ไม่ใช่เพราะรู้สึกผิด แต่เพราะความคิดหนึ่งฉายชัดขึ้นในใจว่า “โลกภายนอกนั้นสวยงามเพียงใดกัน?”
✦ Where the Iron Breaks✦
แม้มือจะเปื้อนเลือด แต่ใจของนูเรธท์ลาก็เริ่มสั่นคลอน ความสงสัยแม้เพียงนิดเดียวก็อาจนำพาความหายนะมาให้ตระกูล เขารู้ว่า การตั้งคำถามนับเป็นการทรยศ ดังนั้นเขาจึงฝังความรู้สึกนี้ไว้ลึกลงไปในจิตใจ ปิดมันด้วยเกราะเหล็กของความเย็นชา และเดินต่อไปในฐานะ “เครื่องจักรสังหาร”
ผู้คนเรียกเขาว่า…
✦ Vermillion Dove ✦
ชื่อเสียงนี้ไม่ได้เกิดจากความโหดเหี้ยมเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากช่วงเวลาที่เขาลงมือสังหาร เมื่อใดก็ตามที่เขาสวมชุดขาว ท่ามกลางความเงียบ ผมสีชาดของเขาโบกสะบัดตามลม ขณะที่เขาเอาชีวิตของเหล่าศัตรูเพื่อถวายแด่ราชาปีศาจ
✦ Fall ✦
ตลอดชีวิตหนึ่งร้อยปี นูเรธท์ลายังคงทำหน้าที่เป็นมือสังหารที่ไม่ธรรมดาให้กับตระกูล แต่เมื่อถึงวันที่ควรเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและการเฉลิมฉลอง ในวันที่ชาวเผ่ารวมใจกันจัดงานเพื่อยกย่อง “อาวุธแห่งไนธีเรียน” หมู่บ้านของดาร์คเอลฟ์กลับถูกไฟไหม้เสียหายอย่างไม่คาดคิด
เสียงระเบิดและเสียงหวีดร้องของผู้คนที่วิ่งหนีตายลอยเข้ามาในหู กลิ่นไหม้และเลือดปะปนกันอยู่ในอากาศ และกลิ่นของเวทมนตร์ที่เขาเคยได้ยินมาในตำนาน โน้มนำให้เขาต้องลุกขึ้นเผชิญหน้ากับความจริงในสนามรบที่เขาไม่เลือก
โดยรอบมีจอมเวทของศาสนจักรและเอลฟ์แห่งแสง ผู้เป็นศัตรูที่เคยขับไล่พวกเขาเข้าสู่ความมืดของประวัติศาสตร์ และตอนนี้พวกเขาได้กลับมาอีกครั้งเพื่อทำลายเผ่าพันธุ์ให้สิ้น เขาต่อสู้ไปเรื่อยๆ ในขณะที่เปลวเพลิงสะท้อนในดวงตาแดงก่ำของเขา ทุกการเคลื่อนไหวที่ทำคือความตาย ทุกลมหายใจคือการรอด แต่ในระหว่างที่เขายังสังหาร เขากลับค้นหา “เธอ” เพียงคนเดียว
จู่ๆ ลางสังหรณ์บางอย่างก็แทรกเข้ามาในใจ ความกลัว—ความรู้สึกที่นูเรธท์ลาคิดว่าหายไปแล้ว—กลับมาอย่างรุนแรง เขาถูกล้อมรอบด้วยพลังเวทของศัตรู จนสายตาพร่าเลือน แต่ก่อนที่จะถูกคมเวทสัมผัสตัว มีแรงกระชากที่คุ้นเคยดึงเขาออกไปอย่างรวดเร็ว
เสียงฝีเท้าที่เขารู้จักดีที่สุดในชีวิต—เสียงของคนที่เขายอมให้เขาอ่อนแอได้
เมื่อเขาฟื้นตัวอีกครั้ง ร่างของเขาอยู่ในหลุมหลบภัยใต้ดิน รอบตัวมีแต่ความมืด เสียงกรีดร้อง เสียงเวทมนตร์ และเสียงของมารดาที่ยังอยู่ที่อีกด้านของบานประตูที่ปิดสนิท เขาตะโกนและใช้แรงทุบที่ประตู แต่ไม่เป็นผล—เวทป้องกันแน่นหนาเกินไป เธอไม่ยอมให้เขาออกไป
เขาไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร จนกระทั่งเสียงทุกอย่างด้านนอกเงียบลง ความเงียบเย็นเยียบ ราวกับโลกหยุดหมุน นูเรธแทรกตัวออกจากช่องแคบด้านบน เมื่อแสงสลัวจากภายนอกสาดเข้ามา เขาก็ได้กลิ่น… กลิ่นไหม้ กลิ่นเลือด และกลิ่นแห่งความสูญเสีย
เขาเดินผ่านซากบ้านเรือนที่พังทลาย เถ้าถ่านกระจายอยู่ทุกฝีก้าว เขาเดินฝ่าความเงียบและเศษซากแห่งความตาย จนมาถึงประตูทางออกของหลุมหลบภัย ที่เบื้องหน้ามีร่างหนึ่งนอนนิ่งอยู่ตรงนั้น
นูเรธท์ลาค่อย ๆ เดินเข้าใกล้ หัวใจเต้นแรงจนหูอื้อ เธอนอนคว่ำ ร่างไหม้เกรียมจนแทบไม่สามารถจำได้ แต่เส้นผมยังมีสีดำม่วงที่ปรากฏอยู่ในแสงไฟสลัว และแผ่นหลังที่เขาเคยซุกหัวในวัยเด็ก…
เขาทรุดลงข้างร่างนั้น มือสั่นเทาหยิบไปแตะผิวเย็นเฉียบไร้ลมหายใจ รู้สึกเหมือนเสียงที่หลุดออกมาไม่ใช่เสียงของเครื่องจักรสังหารหรืออาวุธแห่งไนธีเรียน แต่เป็นเสียงของเด็กชายคนหนึ่งที่เพิ่งเข้าใจความหมายของคำว่า "สูญเสีย" เป็นครั้งแรกในชีวิต
เขาเคยฆ่าคนมากมายโดยไม่รู้สึก แต่วันนี้—เขาร้องไห้ “อะไรคือการมีชีวิตอยู่ไม่สู้ตาย…” เขาเพิ่งเข้าใจมันในวันนี้
✦ เปลวเพลิง... และสิ่งที่ถูกทิ้งไว้ ✦
เปลวไฟยังคงลุกไหม้ในระยะไกล แต่ท่ามกลางซากเถ้าถ่าน ความเงียบเริ่มเข้าครอบงำ นูเรธค่อย ๆ ลุกขึ้น ยืดร่างที่เปรอะเปื้อนฝุ่นและโลหิตอีกครั้ง ฝ่าเท้าของเขาเหยียบลงบนผืนดินไหม้เกรียม ทุกย่างก้าวกลายเป็นคำถาม "ยังมีใครรอดอยู่บ้างหรือไม่?"
เขาเดินผ่านลานกลางหมู่บ้าน ที่ครั้งหนึ่งเคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและกลิ่นขนมปังอุ่น ตอนนี้มีเพียงเถ้าถ่าน กองศพ และรอยเลือด ไร้เสียงร้องขอความช่วยเหลือ
เขาเดินผ่านซากโรงเรือนใกล้เนินหิน สายตาของเขาหยุดอยู่ที่กล่องเหล็กสีขาวที่ไม่ถูกไฟไหม้ มันมีตราประทับของโบสถ์แสงอรุณและตราประจำตระกูล… เอลฟ์แห่งแสง และเพื่อนวัยเด็กของเขา
นูเรธหยิบกล่องขึ้นอย่างระมัดระวัง กล่องถูกล็อกด้วยเวทมนตร์ เขาหรี่ตามองและเรียกพลังเวทในตัวเพื่อเปิดกลไก จนในที่สุดฝาเหล็กเปิดออก ภายในมีกระดาษหนึ่งฉบับประทับตราตระกูล
เมื่อเขาอ่านมัน เขาสัมผัสได้ถึงลายมือที่คุ้นเคย เป็นของเพื่อนที่เขาเคยร่วมโต๊ะอาหารและซ้อมดาบ สารที่เขียนถึง “ข้อตกลงลับ” ระหว่างตระกูลแห่งแสงกับใครบางคนในเผ่าของเขาเอง
หลังจากอ่านจบ เขามองขึ้นไปที่หมอกควันหนาทึบย้อมคลุมคฤหาสน์ “มันไม่ใช่แค่การฆ่าชาวบ้าน…” “แต่มันคือ… การวางแผน” เขากัดฟันแน่น ขบกรามจนเลือดซึม คำถามนับพันผุดขึ้นในหัว ใครกันคือผู้ทรยศในเผ่า? และศาสนจักรกำลังจะทำอะไร?
คืนนั้น นูเรธท์ลาหายตัวไปจากหมู่บ้าน จางหายไปพร้อมกับกลิ่นควันและเปลวไฟที่ยังคงลุกไหม้
✦ คืนแห่งจันทราใหม่: พิธีรับตำแหน่ง ✦
หลายเดือนต่อมา… ข่าวลือเรื่องการล่มสลายของหมู่บ้านดาร์คเอลฟ์กระจายไปทั่ว ทุกคนพูดกันว่ามีผู้รอดชีวิตเพียงไม่กี่คน บางคนรู้สึกเสียใจ บางคนกลับยินดี
แต่ในเงามืดของอาณาจักรจันทรา เมืองหลวงของดินแดนดาร์คเอลฟ์ มีข่าวลือใหม่ค่อย ๆ เกิดขึ้น “ชายสวมหน้ากากเงินคนหนึ่ง—ทำงานรับใช้ดยุคเงา” “เขาปราบกบฏเอลฟ์ขาว ฆ่าผู้ทรยศศาสนจักรโดยไม่ทิ้งร่องรอย…”
ในคืนเดือนดับ ขุนนางและผู้แทนแห่งเงาทั้งหลายมารวมตัวกันที่บัลลังก์โลหิตแห่ง The Hollow Court เสียงกระซิบดังระงมขณะชายผู้สวมหน้ากากเงินก้าวเข้าสู่อาคาร เมื่อเขาหยุดยืนเบื้องหน้าผู้เฒ่าแห่งไนธีเรียน เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “ใครกัน… จะขึ้นรับตำแหน่งไวเคานต์ ผู้สืบสายเลือดสุดท้าย?”
ชายคนนั้นยกมือขึ้น ค่อย ๆ ปลดหน้ากากออก เผยให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยบาดแผล และ ดวงตาที่แบกทั้งโศกนาฏกรรมและเจตจำนงไว้อย่างเข้มข้น “ข้าไม่ใช่เครื่องจักรสังหารของท่านอีกต่อไป” เขากล่าวเสียงนิ่ง ก่อนจะถือกล่องเหล็กใบนั้นขึ้นต่อหน้าผู้เฒ่า “ข้า… จะเป็นดาบที่ตัดเงามืดของตระกูล”
ไม่มีคำประกาศ ไม่มีพิธีสืบทอด มีเพียงเสียงกระซิบของบรรพชนในอาคมวิญญาณที่แทรกผ่านเสาไม้เก่าและสายเลือดในกายที่ร้อนวาบขึ้นมาอย่างเงียบงัน
✦ การเกิดใหม่ของ "ไวเคานต์" ✦
และในคืนนั้น ไวเคานต์นูเรธท์ลานายธีเรียนได้ถือกำเนิดขึ้นอีกครั้ง ไม่ใช่เพื่อสืบทอดเกียรติยศ แต่เพื่อแก้แค้นและทำลายโครงสร้างแห่งความลวงที่ฝังลึกในใจของศัตรูในเงามืด
⟡ เงาในหน้ากาก: ซัลธีรัน แอชเวอลอน ⟡
หลังจากรับตำแหน่งเป็นผู้นำตระกูลไนธีเรียน—ไม่มีใครเห็นนูเรธท์ลาในคฤหาสน์ของตระกูลอีกเลย ไม่ใช่ในหอประชุมขุนนาง ไม่ใช่ในวิหารโลหิตของ Hollow Court แต่ในเมืองท่าชั้นรองชายแดนตะวันตก
ที่นั่น เขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในฐานะชายหนุ่มเร่ร่อนนามว่า “ซัลธีรัน แอชเวอลอน”
เอลฟ์หนุ่มที่มีเส้นผมขาวหม่นยาวจนถึงต้นคอ รอยยิ้มที่ไร้พิษภัยติดอยู่บนริมฝีปากทุกครั้งที่สบตาใคร แว่นทรงกลมครอบคลุมดวงตาสีฟ้าอมเทาที่ยังคงแฝงเปล่งประกายซุกซนเสมอ ไม่ว่าจะเวลาซื้อแอปเปิ้ลหรือหลอกล่อข้อมูล
เขาสวมเสื้อครอปสีดำที่แนบลำตัว กางเกงผ้าพลิ้ว และคลุมตัวด้วยผ้าคลุมเบา ๆ ที่ปลิวไปตามลมทะเล… ดุจม่านหมอก
ทุกก้าวย่างของเขาคือจังหวะของนักเล่าเรื่อง ทุกยิ้มของเขาคือหน้ากากของผู้ล่าความลับ
กระเป๋าใบใหญ่ที่เขาสะพายเต็มไปด้วยสมุดบันทึกเวทมนตร์ เวทย์มนตร์พรางตา สารลับ และของต้องห้ามที่สามารถเปลี่ยนดุลอำนาจในชั่วข้ามคืน
“ท่านรู้ไหม?” เขาเอ่ยถามผู้แปลกหน้าในตลาดขณะขายสมุดนิทาน “ว่ามีดาร์คเอลฟ์คนหนึ่งที่สังหารพี่ชายตัวเอง แล้วกลายเป็นจันทราอาบโลหิต”
จากนั้นเขาหัวเราะเบา ๆ พลางยักไหล่ “เรื่องแบบนี้… ข้าชอบที่สุดเลย มันเศร้าดีใช่ไหม?”
แน่นอนว่า—ไม่มีใครรู้ ว่าเรื่องเล่านั้นคือ “เขาเอง”
ในตอนนี้ ชื่อของซัลธีรัน แอชเวอลอน ถูกขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องในกิลด์การค้าแห่งฮาร์เวนอร์ส คาร์นินเทล เขาคือพ่อค้าหนุ่มนิสัยดี ผู้ขายบันทึกเดินทางที่เขาเขียนเอง—บางเล่มพูดถึงเมืองร้าง บางเล่มเล่าถึงวิหารแสงโบราณ
...แต่แท้จริงแล้ว เขาใช้บันทึกเหล่านั้นเป็นเครื่องมือในการปลอมข้อมูล สืบเสาะเครือข่ายลับ และไล่ล่าร่องรอยของ …….
สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงหนึ่งเดียว ใครกันแน่... ที่ทรยศ?
เขาไม่ไว้ใจใครอีกแล้ว ไม่ใช่ขุนนางเงา ไม่ใช่ “เพื่อน” เก่า และยิ่งไม่ใช่เหล่าอัครสาวกแห่งแสงที่เข้ามาในเกมที่เขาไม่เคยเต็มใจเข้าร่วม
แต่ในนามของซัลธีรัน เขาได้รับสิ่งที่นูเรธท์ลาไม่เคยมี อิสรภาพ การลอบเร้นในแสงสว่าง และโอกาสที่จะเดินผ่านดินแดนที่ศัตรูเหยียบย่ำอย่างเงียบงัน